ประวัติศาสตร์ จังหวัดกำแพงเพชร
เมืองโบราณบริเวณลุ่มแม่น้ำปิงคือ
เมืองแปบ เมืองเทพนคร เมืองไตรตรึงษ์ เมือพาน เมืองคนที เมืองนครชุม เมืองชากังราว
เมืองพังคา เมืองโกสัมพี เมืองรอ เมืองแสนตอ เมืองพงซังซา และบ้านคลองเมือง
ล้วนตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกำแพงเพชร
แสดงว่าเมืองกำแพงเพชรเป็นเมืองโบราณมาก่อนสมัยประวัติศาสตร์ไทยจะเริ่มขึ้น
เมืองที่ตั้งในยุคแรก ๆ น่าจะเป็นเมือง-แปบ ซึ่งไม่มีกล่าวอยู่ในจารึก
แต่มีตำนานเล่าว่าเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ฝั่งนครชุมบริเวณตรงข้ามกับ
เมืองกำแพงเพชรในปัจจุบัน และระหว่างสะพานกำแพงเพชรกับวัดพระบรมธาตุเจดียาราม
เคยมีเจดีย์ขนาดใหญ่ ชาวบ้านเรียกบริเวณดังกล่าวว่า วังแปบ
อาจเป็นที่ตั้งเมืองแปบก็ได้
นอกจากนี้
เมืองกำแพงเพชรยังเป็นศูนย์กลางการค้าทั้งทางบกและทางน้ำที่สำคัญ ทางบกมีถนนพระร่วง
เป็นเส้นทางในการลำเลียงสินค้าและอาวุธจากเมืองกำแพงเพชรไปยังกรุงสุโขทัย
และจากกรุงสุโขทัยไปยังเมืองศรีสัชนาลัย
ส่วนทางน้ำอาศัยแม่น้ำปิงและแม่น้ำเจ้าพระยา
เป็นเส้นทางลำเลียงสินค้าไปยังกรุงศรีอยุธยา
นอกจากนี้การค้าของป่าจากเมืองกำแพงเพชรก็นับว่ามีความสำคัญมาก
มีหลักฐานเอกสารฮอลันดาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองว่า
ฮอลันดาได้ปิดปากแม่น้ำเจ้าพระยาและบังคับไทยให้ชนชาติฮอลันดาเป็นชาติเดียว
ที่ค้าขายหนังกวางที่เมืองกำแพงเพชร
กล่าวได้ว่าเมืองกำแพงเพชรในอดีตมีความสำคัญทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ ศาสนา
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีมาช้านาน
เมื่อบรรดาเมืองโบราณในเขตลุ่มแม่น้ำปิงกลายเป็นเมือง-ร้าง
จะด้วยสาเหตุจากศึกสงครามหรือภัยธรรมชาติก็ตาม
ผู้คนจากเมืองดังกล่าวได้มารวมกันในเมืองใหญ่อย่างเมืองกำแพงเพชร
สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพมีพระวินิจฉัยว่า เมืองชากังราวเป็นชื่อเก่าของนครชุม
ตั้งอยู่บริเวณปากคลองสวมหมวกทางฝั่งขวาของแม่น้ำปิง
ซึ่งต่อมามีการย้ายเมืองมาตั้งใหม่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำปิง
ตรงข้ามกับเมืองนครชุมเดิมชื่อว่า กำแพงเพชร
แนวคิดนี้เป็นที่ยอมรับกันแพร่หลายที่สุด
ชุมชนดั้งเดิมชุมชนเขากะล่อน
ชนยุคหินของเมืองกำแพงเพชร
เขากะล่อน
เป็นเทือกเขาดินและเขาลูกรังที่เป็นแนวต่อเนื่องกันสามลูก
ทางทิศเหนือและทิศใต้อยู่ที่บ้านหาดชะอม ตำบลป่าพุทรา อำเภอขาณุวรลักษบุรี
ห่างจากแม่น้ำปิงทางทิศตะวันออกประมาณ ๒ กิโลเมตร จากการขุดค้นที่เชิงเขาเมื่อปี
พ.ศ.๒๕๓๐ พบโบราณวัตถุเป็นจำนวนมาก เช่น ขวานหินขัด หัวธนูหิน กำไลหิน ลูกปัดหิน
และเศษภาชนะดินเผารูปทรงต่าง ๆ เมื่อมีการไถดินดำนาประมาณ ๑
เมตรก่อนถึงลูกรังได้พบขวานหินขัดเป็นจำนวนมาก ที่ยังทำไม่เสร็จหลายร้อยชิ้น
พบหัวธนูหิน กำไลหิน ลูกปัดหิน ภาชนะดินเผาทรงพานที่ค่อนข้างสมบูรณ์เป็นจำนวนมาก
และยังพบหินลับมีดและจักรหินด้วย จากการสำรวจของกรมศิลปากรที่บ้านหนองกอง
ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง ฯ พบแร่-ทองคำซึ่งเป็นโลหะที่นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องประดับ
ต่อมาได้พบหลักฐานทางโบราณคดีทุกเมืองในชุมชนแถบลุ่มน้ำปิงทั้งสองฝั่ง
โบราณวัตถุที่พบในแหล่งโบราณคดี เช่น ลูกปัดแก้ว ลูกปัดหิน ตะเกียงดินเผา
เครื่องสำริด ตะกรันขี้แร่ เศษภาชนะดินเผาจำนวนมาก
เป็นหลักฐานว่าเมือง-กำแพงเพชรเป็นเมืองเก่าก่อนประวัติศาสตร์
เป็นที่อยู่ของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ในยุคหินใหม่ มีอายุอยู่ประมาณ ๕,๐๐๐ - ๑,๐๐๐
ปี
กำแพงเพชรสมัยประวัติศาสตร์
จากตำนานสิงหนวัติกุมาร มีว่าพระเจ้าพรหมโอรสพระเจ้าพังคราช
ขณะพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา ได้ยกกองทัพขับไล่ขอมดำมาถึงเมืองกำแพงเพชร
อันเป็นดินแดนลวรัฐเก่า พระอินทร์เกรงว่าผู้คนจะล้มตาย จึงเนรมิตกำแพงขวางกันไว้
ไม่ให้พระเจ้าพรหมผ่านไปได้จึงเรียกกำแพงที่เนรมิตนั้นว่า กำแพงเพชร
ต่อมาพระเจ้าชัยศิริ โอรสพระเจ้าพรหม
มีข้าศึกชาวมอญจากเมืองสุ-ธรรมดียกกองทัพมารุกราน
พระเจ้าชัยศิริอพยพไพร่พลลงมาที่เมืองกำแพงเพชร สร้างเมือง-กำแพงเพชรเป็นราชธานี
กำแพงเพชรสมัยทวาราวดี
เมืองโบราณของกำแพงเพชรพบหลักฐานแสดงว่า
เป็นเมืองเก่าในสมัยทวารวดี ต่อเนื่องมาถึงสมัยสุโขทัยคือ เมืองไตรตรึงษ์
ตั้งอยู่ที่บ้านวังพระธาตุ ห่างจากตัวจังหวัดไปทางใต้ประมาณ ๑๘ กิโลเมตร
ตามถนนสายเอเชีย เป็นเมืองรูปสี่เหลี่ยมกว้าง ๘๐๐ เมตร ยาว ๘๔๐ เมตร
อยู่ติดแม่น้ำปิงฝั่งขวาตรงข้ามเมืองเทพนคร มีกำแพงดินล้อมรอบสามชั้น
จากการขุดค้นภายในบริเวณเมืองพบเศษภาชนะ-ดินเผา ตะกรันขี้เหล็กจำนวนมาก
พบตะเกียงดินเผาสมัยทวาราวดี
จึงสันนิษฐานว่าเมืองนี้น่าจะพัฒนามาตั้งแต่สมัยทวารวดีหรือก่อนหน้านั้น
เมืองโบราณที่บ้านคลองเมือง ตั้งอยู่ที่บ้านคลองเมือง ตำบลโกสัมพี
กิ่งอำเภอโกสัมพีนคร มีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ มีคูน้ำ คันดินล้อมรอบ
มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓๐๐ - ๔๐๐ เมตร พบเครื่องมือหินขัด แวดินเผา เบ้าดินเผา
ลูกปัดแก้ว ลูกปัดแร่อะเกต คานีเลียน เครื่องสำริด เครื่องมือเหล็ก ตะเกียงดินเผา
ตะกรันขี้แร่และเศษภาชนะดินเผา
แสดงว่าเป็นเมืองโบราณสมัยทวารวดี
กำแพงเพชรสมัยสุโขทัย
จารึกหลักที่
๑ (ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง) พ.ศ.๑๘๓๕ กล่าวถึงเมืองคนที
ซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดกำแพงเพชร ห่างลงไปทางใต้ประมาณ ๑๒ กิโลเมตร
เป็นเมืองใหญ่ในสมัยสุโขทัย
ในสมัยอยุธยาเป็นเมืองร้างและเปลี่ยนสภาพเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ
มีผู้พบซากเจดีย์ร้างอยู่เป็นจำนวนมาก จารึกหลักที่ ๓ (ศิลาจารึกนครชุม) พ.ศ.๑๙๐๐
มีความตอนหนึ่งว่า พระยาฤาไท เอาพระ-ศรีรัตนมหาธาตุมาสถาปนาใน เมืองนครชุม
แสดงว่าเมืองนครชุมเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งในสมัยสุโขทัย เมืองนครชุมเป็นเมืองโบราณ
ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำปิง ในเขตตำบลนครชุม บริเวณปากคลองสวนหมาก
ตรงข้ามกับเมือง
กำแพงเพชรโบราณ ลักษณะตัวเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง ๔๐๐
เมตร ยาว ๒,๙๐๐ เมตร ยาวไปตามลำน้ำแม่ปิง มีวัดพระมหาธาตุเป็นศูนย์กลาง
เมือง-นครชุมพังลงแม่น้ำปิงไปแล้วสามส่วน จารึกนครชุมได้กล่าวถึง เมืองบางพาน
ซึ่งเป็นเมืองซึ่งเป็นเมืองสำคัญอีกเมืองหนึ่งในสุโขทัย
สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า อยู่ในเขตอำเภอพรานกระต่าย
ปัจจุบันมีหมู่บ้านชื่อ วังพาน ตำบลเขาคีริส อำเภอพรานกระต่าย
ตัวเมืองมีลักษณะเป็นรูปเกือกกลม มีคูคันดินล้อมรอบ
ภายในเมืองและนอกเมืองโดยเฉพาะบริเวณเขานางทอง พบซากโบราณสถาน
และโบราณวัตถุสมัยสุโขทัยจำนวนมาก
เรื่องของเมืองบางพานมีการกล่าวกถึงในศิลาจารึกหลาย-ครั้ง
ในสมัยสุโขทัยสันนิษฐานว่าเป็นเส้นทางคมนาคมระหว่างเมืองกำแพงเพชรกับสุโขทัย
จากจารึกหลักที่ ๓ พ.ศ.๒๐๕๓ ได้กล่าวถึงเมืองพานว่า
มีการซ่อมแซมถนนจากเมือง-กำแพงเพชรไปถึงบางพาน
อีกตอนหนึ่งกล่าวถึงการซ่อมแซมท่อปู่พระยาร่วงที่นำน้ำไปทำนาที่บางพาน
แสดงว่าเมืองนี้เป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สำคัญ
นอกจากนั้นถนนพระร่วง
ก็ได้ตัดผ่านเมืองบางพาน
ปัจจุบันเมืองบางพานเป็นเมืองร้างแทบไม่มีหลักฐานใดเหลืออยู่เลย จากจารึกหลักที่ ๘
ได้บันทึกเหตุการณ์ระหว่างปี พ.ศ.๑๙๐๒ - ๑๙๑๑ กล่าวถึงเมืองขึ้นของกรุงสุโขทัย
โดยกล่าวถึงเมืองชากังราว เมืองพระนครชุม เมืองพาน จากหนังสือชินกาลบาลีปกรณ์
พงศาวดารโยนกและตำนานพระพุทธสิหิงค์ กล่าวไว้ตรงกันว่า ติปัญญาอำมาตย์
(พระยาญาณดิส) เป็นเชื้อสายพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (ลิไท)
กับราชวงศ์สุวรรณภูมิได้ครองเมืองกำแพงเพชร
และได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานที่เมือง-กำแพงเพชร จากศิลาจารึกหลักที่ ๓๘
พ.ศ.๑๙๔๐ ได้แสดงถึงความยิ่งใหญ่ทางการปกครองของกษัตริย์ผู้ครองเมืองกำแพงเพชร
พระนามว่าจักรพรรดิราช
ผู้ทรงนำเอาหลักกฎหมายลักษณะโจรมาประกาศไว้ท่ามกลางเมืองสุโขทัย สันนิษฐานว่า
ตั้งแต่ปี พ.ศ.๑๙๔๐ เป็นต้นมา
อำนาจทั้งทางการปกครองและการพระศาสนาได้มาอยูที่เมืองกำแพงพชรเพียงแห่งเดียว
อำนาจของเมืองกำแพงเพชรน่าจะหมดไปเมื่ออาณาจักรสุโขทัยถูกผนวกเข้ากับ
อาณาจักรอยุธยา เมื่อปี พ.ศ.๑๙๕๒
กำแพงเพชรสมัยอยุธยา
จากพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐฯได้มีเรื่องของเมืองกำแพงเพชร
ในห้วงเวลานี้ไว้ว่า พ.ศ.๑๙๑๖ สมเด็จพระบรมราชาธิราช เสด็จไปเมืองชากังราว
พระยาใสแก้วและพระยา-คำแหง เจ้าเมืองชากังราวออกรบ พระยาใสแก้วตาย
พระยาคำแหงหนีเข้าเมืองได้ ทัพหลวงเสด็จกลับคืน พ.ศ.๑๙๑๙
เสด็จไปเอาเมืองชากังราวครั้งนั้นพระรามคำแหงและท้าวผาคองคิดด้วยกันว่า
จะยอทัพหลวงและจะทำมิได้ ท้าวผาคองเลิกทัพหนี จึงเสด็จยกทัพหลวงตาม
ท้าวผาคองนั้นแตก และจับได้ตัวท้าวพระยาและเสนาขุนหมื่นเป็นอันมาก
และทัพหลวงเสด็จกลับคืน พ.ศ.๑๙๓๑ เสด็จไปเอาเมืองชากังราวอีกครั้ง
สมเด็จพระบรมราชาไม่สามารถเข้าเมืองชา-กังราวได้
เพราะประชวรหนักและเสด็จสวรรคตกลางทาง พ.ศ.๑๙๙๓
มหาราชมาเอาเมืองชากังราวได้แล้วจึงมาเอาเมืองสุโขทัย เข้าปล้นเมืองมิได้
ก็เลิกทัพกลับคืน พ.ศ.๒๐๘๘
สมเด็จพระไชยราชาธิราชเสด็จไปเชียงใหม่ให้พระยาพิษณุโลกเป็นทัพหน้า
ยกทัพหลวงไปกำแพงเพชรตั้งทัพชัย ณ เมืองกำแพงเพชร
สมเด็จพระไชยราชาฯเสด็จยกทัพไปรบเชียงใหม่สองครั้ง มาประทับเมืองกำแพงเพชรทุกครั้ง
จากกฎหมายตราสามดวง
ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้บันทึกไว้ว่า กำแพงเพชรได้เป็น
เมืองพระยามหานคร ซึ่งในเวลานั้นมีอยู่ ๘ เมืองคือเมืองพิษณุโลก เมืองสัชนาไล
เมืองสุโขทัย เมืองกำแพงเพชร เมืองนครศรีธรรม เมืองทวาย และเป็นเมืองลูกหลวง
ซึ่งมีอยู่ห้าเมืองคือเมืองพิษณุโลก เมืองสวรรคโลก เมืองกำแพงเพชร เมืองลพบุรี
เมืองสิงห์บุรี พ.ศ.๒๐๕๑ จากกฏหมายตราสามดวง กำแพงเพชรถูกลดฐานะเป็นหัวเมืองชั้นโท
เจ้าเมืองกำแพงเพชรได้รับนามว่าออกญารามรณรงค์สงคราม ฯ ศักดินา ๑๐,๐๐๐
ขึ้นประแดงเสนาฏขวา พ.ศ.๒๐๕๓ จากศิลาจารึกฐานพระอิศวร กล่าวถึงการขุดแม่ไตรบางพร้อ
ซ่อมถนนไปบาง-พาน และซ่อมท่อปู่พระยาร่วงไปถึงบางพาน พ.ศ.๒๐๕๘
จากตำนานรัตนพิมพวงศ์กล่าวไว้ว่าเจ้าเมืองกำแพงเพชรทูลขอพระแก้วมรกต
จากกรุงศรีอยุธยามาไว้ที่เมืองกำแพงเพชร พ.ศ.๒๐๕๘
จากตำนานสิงหนวัตวติกุมาร
หมื่นมาลาแห่งนครลำปางเข้าปล้นเมืองกำแพงเพชร แต่ไม่สำเร็จ พ.ศ.๒๐๘๑
จากจดหมายเหตุสมัยอยุธยา เมืองกำแพงเพชรตั้งตัวเป็นอิสระ แต่ไม่สำเร็จ
สมเด็จพระไชยราชายกกองทัพมาปราบปราม และยึดเมืองกำแพงเพชรได้ พ.ศ.๒๐๙๗
จากพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา
สมเด็จพระมหินทราธิราชกราบทูลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิว่า
เมืองกำแพงเพชรเป็นทางกำลังข้าศึกจะขอทำลายเมืองกำแพงเพชร
และกวาดเอาครอบครัวอพยพไปไว้ ณ กรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงเห็นด้วย
ทัพหลวงจึงตั้งยั้งอยู่ที่นครสวรรค์
สมเด็จพระมหินทราธิราชยกกองทัพไปยังเมืองกำแพงเพชร ทัพหลวงตั้งค่ายอยู่ท้ายเมือง
พระยาศรีเป็นกองหน้า ตั้งค่ายแทบคูเมือง
แต่งพลออกหักค่ายพระยา-ศรีพ่ายแพ้แก่ชาวเมืองกำแพงเพชร
ในครั้งแรกพระยาศรีเข้าปล้นเมืองอยู่ ๓ วัน ไม่สำเร็จ
สมเด็จ-พระมหินทราธิราชจึงยกกองทัพกลับพระนครศรีอยุธยา พ.ศ.๒๑๐๗
จากหนังสือไทยรบพม่า
พระเจ้าหงสาวดีรับสั่งให้นันทสูกับราชสังครำคุมพลพม่ากับไทยใหญ่นำทางมาจากเขตแดน
และมาตั้งยุ้งฉางที่เมืองกำแพงเพชร พ.ศ.๒๑๐๘ จากพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชใช้กำลังขับไล่พม่าที่มาตั้งทำนาอยู่ที่เมืองกำแพงเพชร
พ.ศ.๒๑๐๙ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดให้เทครัวอพยพชาวเมืองเหนือ
ตลอดทั้งเมือง-พิษณุโลก กำแพงเพชร สุโขทัย พิชัย พิจิตร
ลงมารวมกันตั้งทัพรับพม่าที่กรุงศรีอยุธยา
ทำให้เรื่องราวของเมืองกำแพงเพชรหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์เป็นเวลานาน
พ.ศ.๒๓๐๙
พระยาตาก (สิน) ได้เลื่อนเป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร
แต่ยังไม่ทันได้ไปรับตำแหน่งได้ไปทัพที่อยุธยา ในสมัยอยุธยา
กำแพงเพชรทำหน้าที่เป็นเมืองพระยามหานคร เมืองหน้าด่าน
เมืองที่ใช้สะสมเสบียงอาหารทั้งฝ่ายไทยและพม่า
ทางฝั่งตะวันออกของเมืองกำแพงเพชรปัจจุบันยังมีชื่อ นา-พม่า นามอญ ปรากฏอยู่
กำแพงเพชรพยายามตั้งตัวเป็นอิสระหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ
กำแพงเพชรสมัยธนบุรี
พ.ศ.๒๓๑๓ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
โปรดเกล้าฯให้ตั้งพระยาสุรบดินทร์ข้าหลวง-เดิมเป็นพระยากำแพงเพชร พ.ศ.๒๓๑๘
ทัพพม่ายกมาตีเมืองกำแพงเพชร ทางเมืองกำแพงเพชรเห็นเหลือกำลังจึงพากันหนีเข้าป่า
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงยกกองทัพมาช่วยขับไล่พม่าแตกพ่ายกลับไป
เมืองเก่ากำแพงเพชรน่าจะเริ่มร้างเมื่อประมาณต้นสมัยรัตนโกสินทร์
วัดช้างรอบ |
กำแพงเพชรสมัยรัตนโกสินทร์
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ได้โปรดเกล้า ฯ ให้พระยากำแพง (นุช) เป็นแม่ทัพไปราชการที่ เมืองตานี
ตีบ้านตานีแตกได้รับชัยชนะ ได้รับพระราชทานชาวปัตตานีมาเป็นเชลย ๑๐๐ ครอบครัว
ให้มาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ เกาะแขก ท้ายเมืองกำแพงเพชร แล้วโปรดเกล้า ฯ
ให้ไปเป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชรแทนบิดาที่ถึงแก่อนิจกรรม
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยากำแพง (เถื่อน)
ขณะที่มีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาสวรรคโลกไปราชการทัพที่เวียงจันทน์
มีความชอบได้รับพระราชทานชาว-ลาว ๑๐๐ ครอบครัว ให้มาตั้งถิ่นฐาน ณ คลองสวนหมาก
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการทำทางสายโทรเลข
ไปยังเมืองกำแพงเพชร เกณฑ์กองทัพจากเมืองกำแพงเพชรไปตีเมืองพิชัย
ทำทะเบียนคนจีนในเมือง-กำแพงเพชร ชาวพม่าขอทำไม้ขอนสักที่คลองขลุง
ให้ทำบัญชีวัดในเมืองกำแพงเพชร โดยรวมจำนวนพระสงฆ์ สามเณร
และฆราวาสที่เรียนหนังสือกับพระ
ให้เก็บเงินผูกข้อมือจีนในเขตเมืองกำแพงเพชรนำส่งกรุงเทพ
ฯ
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ปี พ.ศ.๒๔๖๐
บริษัทล่ำซำขออนุญาตทำไม้ขอนสักในป่าคลองขลุง พ.ศ.๒๔๖๕
ขอยกเว้นการเก็บภาษีบางแห่งในเขตอำเภอเมือง ฯ และอำเภออุ้มผาง
อาณาเขต
จังหวัดกำแพงเพชรอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ
ประมาณ ๓๕๘ กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ ๘,๖๐๗.๕ ตารางกิโลเมตร
• ทิศเหนือ
ติดต่อกับอำเภอเมืองจังหวัดตาก และอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย
• ทิศใต้
ติดต่อกับอำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์
• ทิศตะวันออก
ติดต่อกับอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก อำเภอโพธิ์ทะเลและอำเภอสามง่าม
จังหวัดพิจิตร
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
การปกครอง
• จังหวัดกำแพงเพชร
แบ่งการปกครองออกเป็น ๙ อำเภอ ๒ กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอคลองขลุง
อำเภอคลองลาน อำเภอไทรงาม อำเภอขาณุวรลักษบุรี อำเภอพรานกระต่าย อำเภอลานกระบือ
อำเภอปางศิลาทอง อำเภอทรายทองวัฒนา กิ่งอำเภอบึงสามัคคี
และกิ่งอำเภอโกสัมพีนคร
การเดินทาง
• รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข ๓๒ ผ่านจังหวัด
พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท และนครสวรรค์ เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข ๑
ถึงจังหวัดกำแพงเพชร รวมระยะทาง ๓๕๘ กิโลเมตร
• รถโดยสารประจำทาง บริษัท ขนส่ง จำกัด เปิดบริการเดินรถ
กรุงเทพฯ –กำแพงเพชร ทุกวัน รายละเอียดติดต่อสอบถามได้ที่สถานีขนส่งสายเหนือ
ถนนกำแพงเพชร โทร. ๐ ๒๙๓๖ ๓๖๗๐, ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๕๒–๖๖ หรือ ww.transport.co.th
สถานีขนส่งกำแพงเพชร ๐ ๕๕๗๙ ๙๑๐๓
ระยะทางจากตัวเมืองไปยังอำเภอและกิ่งอำเภอต่าง ๆ
ของจังหวัดกำแพงเพชร
อำเภอพรานกระต่าย ๒๕
กิโลเมตร
อำเภอคลองขลุง ๔๒ กิโลเมตร
อำเภอไทรงาม ๔๒ กิโลเมตร
อำเภอคลองลาน
๕๒ กิโลเมตร
อำเภอทรายทองพัฒนา ๕๓ กิโลเมตร
อำเภอลานกระบือ ๕๙
กิโลเมตร
อำเภอปางศิลาทอง ๗๐ กิโลเมตร
อำเภอขาณุวรลักษบุรี ๗๐
กิโลเมตร
กิ่งอำเภอโกสัมพีนคร ๓๐ กิโลเมตร
กิ่งอำเภอบึงสามัคคี ๙๐
กิโลเมตร
ระยะทางจากจังหวัดกำแพงเพชรไปจังหวัดใกล้เคียง
จังหวัดตาก ๖๘ กิโลเมตร
จังหวัดสุโขทัย ๗๗
กิโลเมตร
จังหวัดพิจิตร ๙๐ กิโลเมตร
จังหวัดพิษณุโลก ๑๐๓
กิโลเมตร
จังหวัดนครสวรรค์ ๑๑๗ กิโลเมตร
จังหวัดเชียงใหม่ ๓๓๗
กิโลเมตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น