วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

จังหวัดน่าน

 
24
คำขวัญประจำจังหวัด แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง

สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
ดอกไม้ประจำจังหวัด: เสี้ยวดอกขาว (เสี้ยวป่าดอกขาว) (ชื่อวิทยาศาสตร์: Bauhinia variegata)
fl_6
ต้นไม้ประจำจังหวัด : กำลังพญาเสือโคร่ง, กำลังเสือโคร่ง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Betula alnoides Buch-Ham.)
tr_26
ประวัติศาสตร์เมืองน่าน 
             
หลักฐานสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่พบในบริเวณจังหวัดน่าน เช่น เครื่องมือหิน กลองสัมฤทธิ์ที่ใช้ประกอบพิธีศพสำหรับชาวเอเชียตะวันออกเฉียงไต้ เป็นเครื่องยืนยันว่าดินแดนนี้มีมนุษย์มาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ก่อนสมัย ประวัติศาสตร์ ในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 18 ขุนน่าน และ ขุนฟอง ได้นำผู้คนอพยพจากตอนบนของแม่น้ำโขงมาตั้งถิ่นฐานยังที่ราบลุ่มตอนบนของแม่ น้ำน่าน ใกล้กับเทือกเขาดอยภูคา และในปี พ.ศ. 1902 เจ้าพระยาการเมืองย้ายเมืองไปยังเวียงภูเพียงแช่แห้งฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ น่านซึ่งไม่ได้ใหญ่กว่าหรืออุดมสมบูรณ์กว่าเมืองปัวแต่ใกล้กับเมืองสุโขทัยมากขึ้น
         
220px-Luang_Poo_Phu_Kha

ในปี พ.ศ. 1911 เจ้าพระยาผากองบุตรของเจ้าพระยาการเมืองได้ย้ายเมืองมายังฝั่งตะวันตกของ แม่น้ำน่าน ซึ่งเป็นเมืองน่านในปัจจุบัน ตามศิลาจารึกหลักที่ 45 และ 46 ในปี พ.ศ. 1935 ปู่พระยา (เจ้าพระยาผากอง) และพระราชนัดดา (พระมหาธรรมราชาที่ 2 แห่งสุโขทัย) ได้ให้คำสาบานที่จะช่วยเหลือกันและกันในยามสงคราม ความสัมพันธ์ระหว่างน่านและสุโขทัยได้ดำเนินมาจนกระทั่งสุโขทัยผนวกเข้ากับ อยุธยา ในปี พ.ศ. 1981  เมืองน่านมีความสัมพันธ์ติดต่อค้าขายกับนครรัฐเล็กๆ รอบบ้าน เช่น หลวงพระบาง ล้านช้าง และสิบสองปันนา รัฐเหล่านี้มีความร่วมมือทางการเมืองอย่างเข้มแข็ง ทำการค้าขายกันตามเส้นทางแม่น้ำโขงด้วยคาราวานเกวียน ก่อนหน้าที่น่านจะถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งชองล้านนาทั้งสองดินแดนมีความ สัมพันธ์กันผ่านการค้าวัวต่าง และเมื่อเชียงใหม่ตกเป็นประเทศราชของพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองแห่งพม่า ในระหว่างปี พ.ศ.2096-2101 เจ้าพระยาพลเทพรือชัย เจ้าเมืองน่านได้หลบหนีไปยังเมืองหลวงพระบาง และน่านตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่าจนกระทั่งสิ้นกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2310
         
ดาวน์โหลด

ระหว่างปีพ.ศ. 2101 - 2317 น่านพยายามต่อสู้เพื่ออิสรภาพจากพม่าหลายครั้ง ในปี พ.ศ. 2246 ถือว่าเป็นช่วงเวลาทุกข์เข็ญ ผู้คนต้องหลบหนีสงครามเข้าป่า บางคนถูกจับเป็นเชลยในพม่า ทั้งเมืองและวัดถูกเผาทำลายลง ในปี พ.ศ. 2331 เจ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าหลวงเมืองน่าน หันมาสวามิภักดิ์กรุงเทพฯ (ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 1) เมื่อ พ.ศ.2333 น่านเริ่มนโยบาย "เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง" มีการอพยพ ชาวไทลื้อจำนวนมากกลับสู่เมืองน่าน
        
 pic_historynan06

ในสมัยรัชกาลที่ 5 กรุงเทพฯถูกคุกคามจากลัทธิล่าอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศสได้ก่อให้เกิด การปฏิรูปการปกครองหัวเมืองล้านนา เพื่อรวมศูนย์อำนาจที่ส่วนกลาง ตั้งแต่ พ.ศ.2435 รัฐบาลกลางกรุงเทพฯได้แต่งตั้งข้าหลวงเข้ามาแทนคณะขุนนางผู้ช่วยเจ้า ผู้ครองนครในการบริหารกิจการบ้านเมือง หลังจากเหตุการณ์ร.ศ.112 (พ.ศ.2436) ไทยต้องยอมเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงแก่ฝรั่งเศส เมืองน่านจึงเพิ่มความสำคัญมากขึ้นในฐานะเมืองหน้าด่านติดกับเมืองหลวงพระ บางในลาว ซึ่งเป็นของฝรั่งเศส ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าเมืองน่านกับกรุงเทพฯดำเนินไปด้วยดี รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯให้แต่งตั้งเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชเป็นพระเจ้า สุริยพงษ์ผริตเดชเพื่อตอบแทนคุณงามความดีที่น่านช่วยกรุงเทพฯในสงครามปราบ กบฏที่เชียงตุง
        
นครเมืองน่านกลายเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยอย่างสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 7 หลังจากเจ้ามหาพรหมสุรธาดาเจ้าเมืองน่านองค์สุดท้ายถึงแก่กรรมในปีพ.ศ. 2474 จึงยกเลิกระบบการปกครองโดยเจ้าผู้ครองนครนับแต่นั้นเป็นต้นมา
 
จังหวัดน่าน 

•  น่าน   มีพื้นที่ ๑๑,๔๗๒.๐๗๒ ตารางกิโลเมตร หรือ ประมาณ ๗ ล้านไร่เศษ อยู่ห่างจากกรุงเทพ ๖๖๘ กิโลเมตร เป็นเมืองชายแดนแห่งล้านนาตะวันออกอันอุดมไปด้วยวัฒนธรรมที่หลอมรวมจากเทือกเขาสูงถึงพื้นราบ มีความเก่าแก่รุ่นเดียวกับกรุงสุโขทัย มีเจ้าผู้ครองนครสืบต่อกันมา รวมทั้งสิ้น ๖๔ พระองค์ น่านเดิมมีชื่อว่า “นันทบุรี” หรือ “วรนคร” สร้างขึ้นโดยพระยาภคา ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ บริเวณที่ราบตำบลศิลา-เพชร หรือ อำเภอปัวในปัจจุบัน ใน พ.ศ.๑๙๐๒ พระยาการเมืองได้รับพระบรมสารีริกธาตุจากกรุงสุโขทัย ทรงเลือกดอยภูเพียงแช่แห้ง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุพร้อมกับย้ายเมืองมาสร้างใหม่บริเวณเชิงดอย ต่อมาประมาณ พ.ศ. ๑๙๑๑ แม่น้ำน่านได้เปลี่ยนทิศทาง พระยาผากอง ราชบุตรพระยาการเมือง ได้ย้ายเมืองอีกครั้งมาตั้งที่บ้านห้วยไค้ ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำน่าน ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองน่านปัจจุบัน

• แม่น้ำน่านเสมือนเส้นเลือดของชาวน่าน มีต้นกำเนิดจากดอยขุนน้ำน่าน ตำบลขุนน่าน อำเภอบ่อเกลือ ซึ่งไหลขึ้นเหนือไปทางอำเภอทุ่งช้าง แล้วไหลลงใต้ไปยังอำเภอปัว อำเภอท่าวังผา อำเภอเมืองน่าน อำเภอเวียงสา หลังจากนั้นไหลลงไปยังจังหวัดอื่น คือ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และ พิจิตร จึงไปรวมกับแม่น้ำยมที่อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ และแม่น้ำเจ้าพระยาที่ปากน้ำโพ นครสวรรค์ ร้อยละ ๔๐ ของลำน้ำน่านนั้น หล่อเลี้ยงลำน้ำเจ้าพระยา


อาณาเขต


• ทิศเหนือ ติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว


• ทิศใต้  ติดต่อกับจังหวัดอุตรดิตถ์


• ทิศตะวันออก  ติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว


• ทิศตะวันตก  ติดต่อกับจังหวัดแพร่และจังหวัดพะเยา


การปกครอง

• จังหวัดน่านแบ่งการปกครองออกเป็น ๑๕ อำเภอ ได้แก่  

 อำเภอเมือง
 อำเภอเวียงสา 
อำเภอสันติสุข 
อำเภอแม่จริม 
อำเภอท่าวังผา
 อำเภอบ้านหลวง 
อำเภอนาน้อย
 อำเภอปัว
 อำเภอสองแคว
 อำเภอเชียงกลาง 
อำเภอนาหมื่น
 อำเภอทุ่งช้าง
 อำเภอบ่อเกลือ
 อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
 และอำเภอภูเพียง


การเดินทาง


• รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข ๓๒ ถึงจังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข ๑๑๗ จนถึงจังหวัดพิษณุโลกและใช้ทางหลวงหมายเลข ๑๑ ผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์ และอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ จากเด่นชัยใช้ทางหลวงหมายเลข ๑๐๑ ผ่านจังหวัดแพร่ไปจนถึงจังหวัดน่าน รวมระยะทางประมาณ ๖๖๘ กิโลเมตร


• รถโดยสารประจำทาง สถานีขนส่งสายเหนือ ถนนกำแพงเพชร ๒ (หมอชิต ๒) มีรถโดยสารประจำทางธรรมดา และปรับอากาศไปจังหวัดน่านทุกวัน


• รถไฟ จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ไปลงที่อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ แล้วจึงต่อรถโดยสารประจำทางมาที่จังหวัดน่าน ระยะทาง ๑๔๒ กิโลเมตร


• เครื่องบิน บริษัท พีบี แอร์ มีเที่ยวบินเส้นทาง กรุงเทพฯ-น่าน สอบถามรายละเอียดได้ที่ ๐ ๒๒๖๑ ๐๒๒๐-๕ หรือ www.pbair.com ท่าอากาศยานน่าน โทร. ๐ ๕๔๗๑ ๐๒๗๐
ประว้ติศาสตร์จังหวัดน่าน











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น